ช่างโดยทั่วไปมักนิยมปูกระเบื้องด้วยวิธีที่เรียกว่า ปูแบบซาลาเปา โดยเอาปูนมาโปะลงตรงกลางกระเบื้องแล้วปู จะเห็นได้ ว่าขอบของกระเบื้องจะไม่มีเนื้อปูนอยู่เลย เวลาเคาะเราจะได้ยินเสียงโปร่งๆ ส่งผลให้กระเบื้องหลุดร่อนภายหลังได้ง่ายเป็นวิธี การปูที่ไม่ถูกต้อง อีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นการปูที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน คือการปูสด โดยช่างจะปูกระเบื้องลงบนพื้นผิวปูนที่เทเสร็จใหม่ๆ โดยอาศัยน้ำปูนมาเป็นตัวยึดกระเบื้อง วิธีนี้จะส่งผลเสียคือ กระเบื้องจะดูดน้ำปูนซีเมนต์ออกมา เมื่อใช้งานพื้นกระเบื้องไปสัก พักหนึ่ง กระเบื้องก็จะหลุดร่อน เนื่องจากแรงยึดเกาะไม่ดีพอนั่นเอง
การปูแห้ง คือวิธีการปูกระเบื้องที่ถูกต้องตามหลักวิชาการใช้ปูนกาว หรือซีเมนต์กาวเป็นตัวประสานระหว่างพื้นปูนกับกระเบื้อง โดยให้ปาดปูนกาวให้ทั่วพื้นปูนด้วยเกรียงหวี จากนั้นจึงปูกระเบื้องลงไป พื้นกระเบื้องจะมีอายุการใช้งานได้นาน เพราะปูนกาวมีแรงยึดเกาะได้ดีกว่ากาวอื่นๆ
สำหรับหินไม่ว่าจะเป็น หินอ่อน หินแกรนิต หรือหินธรรมชาติอื่นๆ ที่จะปูลงไปที่พื้นหรือผนังที่เป็นปูน จะต้องเคลือบน้ำยา ด้านหน้า ด้านหลัง และขอบทั้งสี่ด้านก่อนปูเสมอ เพราะน้ำยาที่เคลือบจะช่วยป้องกันน้ำปูนซึมขึ้นมาตามรอยต่อของหิน หรือ คราบขาวไหลออกมาตามแนวรอยต่อ ซึ่งจะทำให้หินหมดความสวยงาม การเคลือบน้ำยาที่ผิวหน้าจะช่วยป้องกันน้ำ หรือสิ่ง สกปรกซึมเข้าด้านหน้าของหินเป็นการป้องกันเกิดคราบเหลือง หลังการใช้งานหรือการตกแต่งบ้านที่มักจะทำให้ผิวหินเสียหาย เพราะหินจะมีปัญหามากที่พบเห็นบ่อยๆ คือ มีคราบเหลืองสีคล้ำ มีฝุ่นสกปรกสะสมตามรูพรุนแก้ไขไม่ได้ เกิดรอยขีดข่วน รอยด่างเกิดคราบขาวเป็นขี้เกลือ เกิดรอยซึมน้ำหรือน้ำมันตามรอยต่อ เป็นต้น
การป้องกันจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้งานออกมาดี หลังจากการปูและใช้งาน ส่วนในอนาคตหินจะมีความสกปรกหรือหมด ความเงางามนั้นให้ใช้น้ำยาเคมีภัณฑ์เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา เช่น หินอ่อนเก่าใช้งานหลายปีหมดความเงางาม แก้ไขได้ด้วยใช้ ผงพิเศษขัดเงาด้วยเครื่องปั่นเงา
พื้น-ผนัง หินแกรนิตสกปรกฝังลึก มีคราบเหลืองและสนิม ก็ใช้น้ำยาเฉพาะเช็ดทำความสะอาด หินก็จะกลับมาสวยงามดัง เดิมได้
หินแกรนิตพ่นไฟสกปรกมาก มีน้ำซึม มีฝุ่นสะสม ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาด แล้วเคลือบทับด้วยน้ำยาเฉพาะอีกครั้งก็แก้ ปัญหาไ้ด้
การปูหินกลางแจ้ง ความร้อนจากแสงแดด ทำได้หินขยายตัว (หินมีการขยายตัวมากกว่าปูนซีเมนต์หลายเท่า) ส่งผลทำให้ หินดันกันเอง จนหลุดร่อน ฉะนั้นอย่าปูหินชิดกำแพง ควรเว้นไว้ 5-10 มม. แล้วฉีดซิลิโคนให้เต็มช่องว่าง (ต้องใช้ซิลิโคนที่ใช้ กับหิน) หรือจะใช้ขอบบัวผนังปิดก็ได้
การปูแห้ง คือวิธีการปูกระเบื้องที่ถูกต้องตามหลักวิชาการใช้ปูนกาว หรือซีเมนต์กาวเป็นตัวประสานระหว่างพื้นปูนกับกระเบื้อง โดยให้ปาดปูนกาวให้ทั่วพื้นปูนด้วยเกรียงหวี จากนั้นจึงปูกระเบื้องลงไป พื้นกระเบื้องจะมีอายุการใช้งานได้นาน เพราะปูนกาวมีแรงยึดเกาะได้ดีกว่ากาวอื่นๆ
สำหรับหินไม่ว่าจะเป็น หินอ่อน หินแกรนิต หรือหินธรรมชาติอื่นๆ ที่จะปูลงไปที่พื้นหรือผนังที่เป็นปูน จะต้องเคลือบน้ำยา ด้านหน้า ด้านหลัง และขอบทั้งสี่ด้านก่อนปูเสมอ เพราะน้ำยาที่เคลือบจะช่วยป้องกันน้ำปูนซึมขึ้นมาตามรอยต่อของหิน หรือ คราบขาวไหลออกมาตามแนวรอยต่อ ซึ่งจะทำให้หินหมดความสวยงาม การเคลือบน้ำยาที่ผิวหน้าจะช่วยป้องกันน้ำ หรือสิ่ง สกปรกซึมเข้าด้านหน้าของหินเป็นการป้องกันเกิดคราบเหลือง หลังการใช้งานหรือการตกแต่งบ้านที่มักจะทำให้ผิวหินเสียหาย เพราะหินจะมีปัญหามากที่พบเห็นบ่อยๆ คือ มีคราบเหลืองสีคล้ำ มีฝุ่นสกปรกสะสมตามรูพรุนแก้ไขไม่ได้ เกิดรอยขีดข่วน รอยด่างเกิดคราบขาวเป็นขี้เกลือ เกิดรอยซึมน้ำหรือน้ำมันตามรอยต่อ เป็นต้น

พื้น-ผนัง หินแกรนิตสกปรกฝังลึก มีคราบเหลืองและสนิม ก็ใช้น้ำยาเฉพาะเช็ดทำความสะอาด หินก็จะกลับมาสวยงามดัง เดิมได้
หินแกรนิตพ่นไฟสกปรกมาก มีน้ำซึม มีฝุ่นสะสม ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาด แล้วเคลือบทับด้วยน้ำยาเฉพาะอีกครั้งก็แก้ ปัญหาไ้ด้
การปูหินกลางแจ้ง ความร้อนจากแสงแดด ทำได้หินขยายตัว (หินมีการขยายตัวมากกว่าปูนซีเมนต์หลายเท่า) ส่งผลทำให้ หินดันกันเอง จนหลุดร่อน ฉะนั้นอย่าปูหินชิดกำแพง ควรเว้นไว้ 5-10 มม. แล้วฉีดซิลิโคนให้เต็มช่องว่าง (ต้องใช้ซิลิโคนที่ใช้ กับหิน) หรือจะใช้ขอบบัวผนังปิดก็ได้
0 comments:
Post a Comment